วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2559

วิธีตัดใจจากความรักที่ไม่สมหวัง::

วิธีตัดใจจากความรักที่ไม่สมหวัง::

อกหักไม่ยักกะตาย แต่ปล่อยให้นานไป ก็ไร้ซึ้งชีวิตได้เหมือนกัน
รักเค้าข้างเดียวเหมือนข้าวเหนียวนึ่ง รักมากเลิกยาก รักคนเลว ฯลฯ สารพัดรักที่มีแต่ปัญหา พาให้จิตใจเศร้าหมอง และทำลายชีวิตเราจนพัง... แล้วเราจะมามัวปล่อยตัวเองให้จมอยู่ กับมันไปทำไมล่ะ เศร้าได้ เฮิร์ตได้ แต่อย่านาน เดี๋ยวจะโทรม ที่สำคัญไอ้ตอนที่มัวแต่เศร้าโศก อยู่เนี่ย คนดีๆ เดินผ่านเราไปไม่รู้กี่คนแล้วล่ะ แต่เราจะมองไม่เห็นเค้า เพราะเรามัวแต่ปิดตัวเองอยู่กับความรักที่มันหลุดลอยไปแล้ว  อย่ากระนั้นเลย เรามาลองหาวิธีดีๆ ที่จะใช้ในการตัดใจ ตัดขาด และตัดความอาวรณ์ ในรักที่ไม่ลงตัวทิ้งไปซะทีกันดีกว่า


ตั้งเวลาให้ตัวเอง
ตั้งเวลาตัวเองเอาไว้ให้เหมือนกับนาฬิกาปลุก เช่น ภายในเวลา 1 ปี ฉันจะต้องลืมคนๆนี้ให้ได้ แล้วหาหลักไมล์ที่เราจะเอาไว้เป็นจุดเริ่มต้น เช่น จากวันนี้ถึงสิ้นปีนี่แหละ พอขึ้นปีหน้า ฉันจะต้องเป็นคนใหม่และลืมคนๆ นี้ให้ได้ แล้วหลังจากตั้งเวลาเสร็จ ก็ต้องพยายามลดละเลิกพฤติกรรมเดิมๆ ที่เรามักทำในช่วงที่เราย้ำคิด ย้ำทำ โหยหา แต่ความรักที่ไม่สมหวังนั้น ด้วยนะ  สมมติว่า เราชอบเข้าไปดูเฟซบุ๊คของเค้า (ในกรณีที่ยังใจไม่แข็งพอที่จะลบเค้าออกไป) ก็ให้เลิกซะ อาจจะค่อยๆ ลดจากวันละ 10 กว่ารอบ หรือทุกๆ ชั่วโมง มาเป็น วันละรอบ – 2 รอบ หรือดูแค่เป็นช่วงๆ ช่วงเวลาใด ช่วงเวลาหนึ่ง เช่น ดูเฉพาะก่อนนอน หรือตอนตื่นเช้า มันคือการพยายาม
ลดจำนวนครั้งในการเข้าชมลง และต้องพยายามให้มันลดลงจนเหลือ “ศูนย์” ครั้งให้ได้

วิธีนี้จะช่วยให้เราไม่จมปลักอยู่กับอดีตมากเกินไป และลดการตั้งความหวังของเราลงว่าเค้าจะกลับมา หรือเค้ายังรักเราอยู่ และที่แน่ๆ มันคือป้องกันการไปพบเจอภาพบาดตา บาดใจของเค้ากับคนใหม่ที่ไม่ใช่เรา ซึ่งจะทำให้เราต้องมานั่งเสียใจรายวัน บั่นทอนสุขภาพ
จิตตัวเองเปล่าๆ นะ


เพลงบำบัด
อย่าไปฟังเพลงที่ทำให้คิดถึงคนที่ไม่รักเรา เอามันโยนทิ้งไปก่อนเลยนะ บรรดาเพลงที่ยิ่งฟังแล้ว ยิ่งเฮิร์ตเนี่ย อย่าทำตัวเป็นพวกมาโซคิสต์อะไรตอนนี้ แต่ให้ไปหาเพลงที่ฟังแล้วมีกำลังใจ ฮึกเหิมแทน  แนะนำเพลงของ BodySlam  เพราะเกือบทุกเพลงช่วยบรรเทาอาการอกกลัด หนองได้เป็นอย่างดี พี่ตูนเค้าคิดมาดีแล้ว ว่ามันต้องเป็นเพลงที่ฟังแล้วให้กำลังใจ ให้ก้าวเดิน ต่อไปข้างหน้า ไม่ใช่ฟังแล้ว ยิ่งช้ำ ยิ่งมึน  เพลงแนะนำ คือ “อกหัก” กับ “ความรัก”
 
ฟังเข้าไปเยอะๆ ตาจะเริ่มสว่าง กับท่อนที่ว่า

“คนๆ นึงมันไม่มีสิทธิ์ขนาดนั้น ไม่ทำให้ช้ำถึงตาย ยังไงต้องรับให้ได้”
                                                        และ
“คำว่ารัก ที่เคย ทำให้ชั้นล้มลง ที่จริง ไม่ใช่....มันแค่ผลักให้ชั้นก้าวเดินต่อไป อีกครั้ง”


คิดถึงตัวเองตอนที่มีความสุข
เราต้องจินตนาการถึงตัวเราเองตอนที่มีความสุขที่สุด เช่น ตอนที่เราเป็นเด็กๆ แล้วได้วิ่งเล่นกับเพื่อน หรือตอนที่เราเป็นนักเรียนมัธยม แล้วได้ทำกิจกรรมที่เราชอบ เราไม่อยากได้ตัวเองตอนนั้นกลับคืนมาเหรอ เราจะอยากเป็นคนเศร้า อมทุกข์ และซึมกะทือไปทำไม ในเมื่อเราเลือกที่จะเป็นคนที่มีความสุขก็ได้นี่นา จริงมั๊ย

แล้วเราก็มานั่งนึกดูกันดีๆ ว่า เราจะปล่อยให้ตัวเองแบกคนที่มาทำให้ชีวิตเราหนักอึ้งไว้บนบ่าทำไม ....วางเค้าลงซะ แล้วเดินจากมา ความรักที่ดีจะไม่ทำให้เราทุกข์ทรมานหรอก มันอาจมีทุกข์ได้บ้างตามประสามนุษย์ แต่มันต้องไม่ทำให้เรารู้สึกอยากตาย หรือไร้ซึ่งความหวังและสูญเสียความเป็นตัวเอง หรือความดีงามของเราไป ถ้าความรักครั้งใดที่ทำให้เราเป็นแบบนั้น แปลว่ามันไม่ใช่แล้วล่ะ 


เอ็นโดรฟินที่รัก
พาตัวเองไปออกกำลังให้เป็นกิจวัตร มันเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด และธรรมดาที่สุด แต่สามารถสร้างความสุขให้กับเราได้อย่างแท้จริง เพราะตอนที่เราออกกำลังกาย ร่างกายจะหลั่งสารเอ็นโดรฟินออกมา ทำให้จิตใจที่หนักอึ้ง และอาการย้ำคิดย้ำทำทุเลา เบาบางลง
จนค่อยๆ หายไปเอง  แต่มีข้อแม้ว่าต้องทำอย่างจริงจัง และทำเป็นประจำอาทิตย์ละ 3 – 4 วันนะ จะวิ่ง จะเดิน จะตีแบด เต้นรำ ว่ายน้ำ ไปฟิตเนส อะไรก็ได้ แค่ขอให้หัวใจได้เต้นระรัว และเหงื่อออกท่วมตัวซะหน่อยก็ใช้ได้แล้ว  และผลพลอยได้ของการตัดใจด้วย
วิธีนี้ เราจะได้หุ่นที่ฟิตแอนด์เฟิร์มมาด้วยนะ เราจะได้กลับมารู้สึกดีๆ กับตัวเองอีกครั้งและรักตัวเองมากขึ้น จะได้ไม่รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าเพราะไม่ได้เป็นคนที่ถูกเลือก


อธิษฐานจิต
เมื่อทำทุกอย่างที่ว่ามาแล้ว จะให้ดีต้องตบท้ายด้วยวิธีนี้ อันเป็นวิธีที่ออกจะอิงหลักพระพุทธศาสนาอยู่สักหน่อย หลักคิดของวิธีนี้ เริ่มมาจาก การที่เราต้องยอมรับให้ได้เสียก่อนว่า การที่คนๆ หนึ่งเข้ามาทำให้ชีวิตเราแย่ มาให้ชีวิตเราต้องโศกเศร้านั้น ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะทั้งเรา ทั้งเค้ามีเวรกรรมผูกพันกันมาแต่ชาติปางก่อน เราคงเคยไปทำร้ายจิตใจเค้าเอาไว้ ชาตินี้เราจึงต้องมาชดใช้ให้เค้า

ฉะนั้นจงอย่าไปถือโทษโกรธคนที่ทำให้เราเสียใจเลย อโหสิกรรมให้สิ่งที่เค้าทำกับเราในชาตินี้และขอให้เค้าอโหสิกรรมในสิ่งที่เราเคยทำกับเค้าในชาติที่แล้วด้วย

ให้ตั้งจิตนิ่งๆ นึกถึงหน้าของคนๆ นั้น ให้ชัดเจนเหมือนเค้ามายืนอยู่ตรงหน้า แล้วอธิษฐานอย่างตั้งมั่นที่สุดว่า ถ้าไม่ใช่คู่กัน ถ้าไม่ได้ทำบุญร่วมกันมา และหากเคยมีเวรมีกรรมต่อกัน ก็ขอให้อโหสิกรรมให้กันและกันซะ และขอให้ลืมกันไปได้ในที่สุด

แล้วรอดูเวลา ถ้าไม่ใช่คู่กันจริงๆ  โชคชะตาจะพัดพาคนผู้นั้นออกไปจากชีวิตเราเองจากนั้นก็ช่วยเหลือคนอื่นให้เยอะๆ ทำความดีเยอะๆ และพยายามอย่าโกรธใครแล้วหัวใจเราจะเบาขึ้น รอพบเจอคนดีๆ ในชีวิตต่อไป


ทั้งหมดทุกวิธีที่ว่ามานี้ ต้องทำอย่างจริงจัง และตั้งใจ..... ตั้งใจที่จะลืม ตั้งใจที่จะหลุดพ้นจากความรักที่ทำร้ายเรา เพราะถ้าเราทำไปแบบอ่อนแอ วันนี้ทำ พรุ่งนี้ไม่ทำ เราก็ตัดใจไม่ได้ซะทีหรอก

และทุกวิธีที่ว่ามานี้ มีคนเคยทำมาหมดแล้ว ทำมาเป็นเวลาเกือบปี แล้วมันก็ช่วยให้หลายๆคนสามารถตัดใจจากคนที่เคยรักได้เองในที่สุด จนบางคนถึงกับยังแปลกใจในตัวเองว่าเป็นไปได้ยังไง เพราะปกติบางคนเป็นคนที่ยึดติดเอามากๆ
....ลองไปทำกันดูนะชาวสิ่งเล็กๆ

ที่มา :  http://bloomingday.exteen.com

วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

โทษของการสูบบุหรี่

โทษของการสูบบุหรี่ มีดังนี้
1. เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
2. ฟันเหลือง ตาแดง เล็บเขียว
3. มีกลิ่นตัวและกลิ่นปากรุนแรง
4. เป็นที่น่ารังเกียจของสังคม
5. เสียเงินจำนวนมากโดยใช่เหตุ
6. ส่งผลร้ายต่อคนรอบข้าง
7. เป็นมะเร็งช่องปาก รวมถึงฟันและลิ้น (ปากเน่าเละเฟะ)
8. เป็นมะเร็งหลอดลมและหลอดอาหาร
9. เป็นมะเร็งกล่องเสียง
10. เป็นมะเร็งปอด (มะเร็ง ที่ทรมานมากที่สุด) มีโอกาสเป็นโรคมากกว่าผู้ที่ไม่สูบถึง 20 เท่า
11. ถุงลมโป่งพองจนไม่สามารถหดตัวกลับได้ มีผลทำให้หายใจติดขัด หอบ จนถึงตายได้
12. โรคกระเพาะอาหารเป็นแผล
13. โรงตับแข็ง เช่นเดียวกับการดื่มสุรา
14. โรคปริทนต์ (ฟันเน่าเละ)
15. โรคโพรงกระดูกอักเสบ
16. โรคความดันโลหิตสูง
17. ประสาทในการรับรสแย่ลง
18. มีอาการไอเรื้อรัง มีเสมหะมาก บางครั้งไอถี่มากจนไม่สามารถหลับนอนได้

อ้างอิง http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1205885
เก็บมาคิด : แสงส่องทางจากการศึกษา
ในช่วงสี่ห้าปีที่ผ่านมานี้ หากใครให้ความสังเกตมากหน่อยจะพบว่า การศึกษาได้เข้าไปในระดับของ “ชนชั้นกลางที่ลงมาถึงระดับชั้นล่าง” มีทัศนคติ และให้ความสำคัญกับการศึกษาต่อลูกหลานมากขึ้น โดยจะเห็นว่า คนในระดับชั้นดังกล่าว จะทุ่มเทเงินทอง (ที่ไม่ค่อยจะมีมากนัก) ให้กับการเล่าเรียนของลูกหลานมากขึ้นกว่า ในช่วงก่อนหน้า ที่พวกเขา มักจะอ้างว่า “ไม่มีเงินพอที่จะส่งให้ลูกเรียนสูงๆ จึงไม่ให้ความสนใจต่อการศึกษาของลูกหลานเท่าที่ควร” แต่ปัญหากลับพอกพูนอยู่ตัวของเด็ก ซึ่งยังมองไม่เห็นความสำคัญของการศึกษาเท่าที่ควร เพราะขนาดพ่อแม่ทำงานอาบเหงื่อต่างน้ำ เพื่อหาเงินส่งให้ลูกเรียน แต่ลูกหลานกลับทำตัวไร้ค่า แทนที่จะตั้งใจเรียนหนังสือ แต่กลับทำตัวเลอะเทอะ มั่วสุมอยู่ในสังคมที่เลวร้าย เกเร เสพยา มั่วสุมทางเพศ ระดับการเรียนไม่ดีขึ้นเลย และเด็กในกลุ่มพวกนี้เอง ที่กลายเป็นปัญหาของสังคม ที่ปรากฏอยู่เนืองๆ ทั้งในเรื่องของพฤติกรรม และการมีลูกในวัยเด็ก ความน่าเห็นใจ จึงตกอยู่กับพ่อแม่ที่ยอมเหนื่อยสายตัวแทบขาดที่หาเงินส่งเสียให้ลูกหลานได้มีวิชาความรู้เพื่ออนาคตของตัวเอง แต่พวกเขากลับไม่พบกับความสำเร็จ เนื่องจากต้องใช้เวลาในการหาเงินจนไม่มีเวลาที่จะดูแล ควบคุม และอบรมสั่งสอนให้ลูกหลานมองเห็นความสำคัญของการศึกษา จนแทบจะเรียกได้ว่า ในจำนวนคนกลุ่มดังกล่าวนี้ ลูกหลานที่มองเห็นความสำคัญของการศึกษา จะมีไม่เกินสามในสิบคนเท่านั้น ซึ่งหากมองถึงความตั้งใจจริงของคนในระดับชั้นดังกล่าว ที่มองเห็นความสำคัญของการศึกษามากขึ้น แต่ต้องมาสวนทางกับเวลาที่ตัวเองต้องขวนขวายหาเงิน เรื่องนี้ น่าที่ภาครัฐ ควรจะหาทางให้ความช่วยเหลือคนในกลุ่มนี้ให้มากขึ้น ด้วยกลยุทธ์หลากหลายที่ภาครัฐมีอยู่ หาทางเป็นหูเป็นตา หรือปิดกั้นความเหลวแหลกของสังคมวัยรุ่นให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น เกี่ยวกับเรื่องของความเอาใจของบรรดาพ่อแม่ ที่ปรารถนาจะปลูกฝังให้ลูกหลานมีการศึกษาติดตัวต่อไปในอนาคต จนยอมทุ่มเทความเหนื่อยยากหาเงินส่งเสียให้ลูกเรียน หากเรามองในด้านของภาคเอกชนที่เกี่ยวกับการกวดวิชาหรือเรียนพิเศษ จะพบข้อมูลยืนยันได้จากหลายส่วน อาทิ... จากด้านครู อริสรา ธนาปกิจ หรือที่เด็กเรียกกันว่า “ครูพี่แนน” ผู้อำนวยการโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษเอ็นคอนเส็ปท์ ได้กล่าวให้ความเห็นถึงการเตรียมความพร้อมด้านการศึกษาทั้งในแง่มุมของคุณครูว่า ในปัจจุบันการแข่งขันของเด็กยุคนี้มีค่อนข้างสูง ไม่ว่าจะตั้งแต่เด็กอนุบาล ไปจนถึงมหา’ลัย ฉะนั้นการเตรียมความพร้อมให้น้องๆ มีความรู้ ความสามารถจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ ที่พ่อแม่จะส่งเสริมให้เด็กพัฒนาความศักยภาพในตัวเองให้ออกมาได้มากที่สุด ช่วยวางแผนและตั้งเป้าหมายในชีวิต แต่สิ่งสำคัญที่ช่วยเป็นแรงผลักดันให้น้องก้าวไปสู่ความสำเร็จคือ กำลังใจจากพ่อแม่ และครอบครัว ที่เป็นส่วนสำคัญในการช่วยผลักดันให้เด็กๆ ก้าวในสู่ความสำเร็จนั้นได้ นี่คือ ข้อยืนยันให้เห็นว่า พ่อแม่ส่วนใหญ่ พร้อมที่จะยอมเสียเงินเพิ่มให้ลูกหลานได้เข้าเรียนพิเศษเพื่อเพิ่มพูนความรู้ของตัวเองให้มากขึ้นกว่าการได้เรียนในห้องเรียน อันเป็นการสนับสนุนและเพิ่มศักยภาพให้ได้เรียนในสิ่งที่ฝัน หรืออีกหนึ่งคำยืนยันของคุณแม่ของน้องหญิง โรงเรียนวิสุทธรังษี ที่เปิดเผยว่า น้องหญิงต้องเดินทางมาจากกาญจนบุรีทุกสัปดาห์เพื่อมาเรียนที่กรุงเทพฯ ซึ่งตนมองว่าการให้ลูกเดินทางมาเรียนถือเป็นการฝึกความรับผิดชอบของลูกอีกทางหนึ่ง นอกจากนี้การที่จะเรียนอะไร อยากเพิ่มเติมตรงส่วนไหน ตนให้โอกาสลูกได้เลือกด้วยตัวเองก่อน แล้วค่อยมาช่วยดูเรื่องความน่าเชื่อถือ และจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายให้ทีหลัง จึงมั่นใจได้ว่าลูกได้เรียนในสิ่งที่อยากเรียน และสามารถเรียนได้อย่างเต็มตามความสามารถ ไม่ได้ก่อภาระหรือทำให้เครียดกับการเรียนจนเกินไป และคุณแม่น้องฝ้าย ได้ให้มุมมองเกี่ยวกับการเรียนของเด็กไทยในปัจจุบันอีกว่า การเรียนกวดวิชาสำหรับแม่เป็นสิ่งจำเป็น เพราะยุคสมัยเปลี่ยนไป การแข่งขันในการเรียนและการทำงานสูงขึ้น การมาเรียนกวดวิชาจึงเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้ลูกเข้าใจบทเรียน และเนื้อหาอย่างลึกซึ้ง ถือเป็นการย้ำบทเรียนอีกครั้ง อีกอย่างคือวิธีการเรียนรู้ของคนเราต่างกัน บางคนอ่านหนังสือแล้วเข้าใจ บางคนแค่เรียนในห้องเรียนได้เข้าใจ ขณะที่บางคนต้องเรียนย้ำหลายๆ รอบ ซึ่งการมีคุณครูที่เก่ง มีเทคนิคการจำการเรียนที่ดีจะช่วยให้ลูกเราเข้าใจได้ดีขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างเหล่านี้ ยืนยันให้แน่ชัดว่า ความสำคัญของการศึกษาก้าวล้ำเข้าไปสู่เจตนคติ และค่านิยมของพ่อแม่ผู้ปกครองมากขึ้นในทุกระดับชนชั้น แต่วุฒิทางปัญญา หรือ จิตสำนึกของเยาวชนที่มีต่อการศึกษา ยังมีเด็กไทยอีกไม่น้อยที่ยังมืดบอดมองไม่เห็นคุณค่าทางด้านการศึกษา เรื่องนี้ เราต้องแก้ที่คน หรือว่าระบบการบริหารประเทศ?
ชนิตร ภู่กาญจน์ ที่มา: http://www.naewna.com
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-79118-แสงส่องทางจากการศึกษา.html

วันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2559